Wednesday, May 6, 2009

ปัญหาเกี่ยวกับลูกอัณฑะในเด็ก

ปัญหาเกี่ยวกับลูกอัณฑะในเด็ก


ปัญหาเกี่ยวกับลูกอัณฑะในเด็กลูกอัณฑะพลุบๆโผล่ๆ (Retractile testis) ในบางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจจะพบว่าลูกชายดูเหมือนจะมีอัณฑะข้างเดียว แต่บางครั้งก็เห็นทั้ง 2 ข้างอยู่ในถุงอัณฑะ ซึ่งที่เป็นดังนี้ก็เพราะลูกอัณฑะจะมีสายยึดลูกอัณฑะที่มีการยืดหดได้ดีพอควร ทำให้เวลาที่ตื่นเต้น หรืออากาศเย็น ก็มีการหดตัวของสายห้อยลูกอัณฑะดึงให้ลูกอัณฑะข้างนั้นขึ้นมาอยู่สูงที่บริเวณขาหนีบ แทนที่จะลงมาอยู่ในถุงอัณฑะเหมือนเวลาปกติ ซึ่งภาวะนี้เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยๆ และไม่ได้มีผลกระทบต่อการเจริญพันธ์เลย
คุณพ่อคุณแม่อาจต้องใช้เวลาในการสังเกตดูว่าลูกอัณฑะข้างที่สงสัยว่าผิดปกตินั้น ได้ลงมาอยู่ในถุงหรือไม่เวลาที่ให้เด็กยืน หรือในตอนที่อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นสบาย จะช่วยให้มีการผ่อนคลาย และจะพบว่าสายยึดลูกอัณฑะจะหย่อนให้ลูกอัณฑะลงมาอยู่ในถุงอัณฑะได้มากขึ้น ซึ่งเมื่อเด็กโตขึ้นเป็นหนุ่มก็จะไม่พบปัญหานี้ และลูกอัณฑะจะอยู่ในถุงอัณฑะในตำแหน่งปกติ โดยไม่ต้องการการรักษาอะไร และไม่มีข้อต้องวิตกอะไรเลย
ลูกอัณฑะข้างเดียว (ไข่ทองแดง)
ในเด็กผู้ชายลูกอัณฑะควรจะลงมาอยู่ในถุงอัณฑะให้ตรวจคลำได้ตั้งแต่แรกเกิด แต่ในเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดบางครั้งจะพบว่าลูกอัณฑะจะยังไม่พบว่าลงอยู่ในถุงอัณฑะ แต่จะค่อยเลื่อนลงมาในภายหลัง แม้แต่ในเด็กที่คลอดครบกำหนด บางครั้งก็จะพบว่ามีลูกอัณฑะในถุงอัณฑะเพียงข้างเดียว (บางครั้งอาจไม่พบทั้ง 2 ข้าง) ซึ่งโดยทั่วไปชาวบ้านจะเรียกว่า “ไข่ทองแดง” โดยทั่วไปถ้าเมื่ออายุเกิน 1 ปีไปแล้วยังไม่พบลูกอัณฑะทั้ง 2 ข้างในถุงอัณฑะ ก็จะไม่พบว่าลูกอัณฑะจะเลื่อนตัวลงมาได้เองอีก
พบว่าลูกอัณฑะที่มีปัญหาไม่เลื่อนลงมาตามปกติมักจะเป็นข้างขวา และส่วนใหญ่จะคลำพบได้ที่บริเวณขาหนีบเป็นก้อน แต่ในบางรายก็อาจจะคลำไม่พบ เพราะว่าลูกอัณฑะอาจจะไม่มีมาตั้งแต่กำเนิด หรือว่ายังคงค้างอยู่ในช่องท้องไม่ได้เลื่อนลงมาในช่องบริเวณขาหนีบ ก็ได้
คำอธิบายของภาวะนี้ เชื่อว่าเกิดจากการที่มีระดับฮอร์โมนที่ไม่ปกติ หรือจากการที่สิ่งอื่นมาปิดกั้นการเคลื่อนตัวของลูกอัณฑะ เช่น การมีไส้เลื่อน หรือส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุ
การรักษา ส่วนใหญ่จะรอจนอายุเกิน 1 ปี เพื่อให้เวลาที่ลูกอัณฑะจะเคลื่อนตัวลงมาอยู่ในถุงอัณฑะเอง ในบางรายอาจจะต้องปรึกษาแพทย์ทางด้านฮอร์โมนต่อมไร้ท่อ เพื่อตรวจดูว่ามีปัญหาด้านความไม่สมดุลของฮอร์โมนหรือไม่ และเนื่องจากการที่ลูกอัณฑะไม่ลงมาอยู่ในถุงอัณฑะอาจมีผลในระยะยาวเกี่ยวกับการเจริญพันธ์ และอาจเกิดปัญหามะเร็งของลูกอัณฑะข้างนั้นได้ จึงมีการพิจารณาทำการผ่าตัดเพื่อนำลูกอัณฑะที่อยู่ผิดที่ให้ลงมาอยู่ในถุงอัณฑะอย่างที่ควรจะเป็น (Orchipexy) เพื่อทำให้ลูกอัณฑะนั้นยังสามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ เมื่อเด็กโตขึ้น ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสมในการทำผ่าตัดก็จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ผ่าตัดก่อนที่ลูกอัณฑะนั้นจะเริ่มมีการเสื่อมสภาพ และไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างปกติ จึงควรปรึกษาแพทย์ถ้าลูกของคุณมีปัญหานี้ ไม่ควรรอจนเด็กโตมากแล้ว เพราะถึงตอนนั้นลูกอัณฑะอาจจะไม่มีสภาพที่จะทำงานได้อย่างเดิม
น.พ.ประสงค์ พฤกษานานนท์
คลินิกเด็ก.คอม

No comments: